นักสู้เพื่อสังคม โยชิคะวะ ก็แลเห็นหนทางใหม่สำหรับในการใช้มวยเป็นสิ่งที่ใช้ในการช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส

นักสู้เพื่อสังคม มันก็คือการผลิตภาพยนตร์สารคดี เดิมที่แล้ว โยชิคะวะเป็นผู้ที่เผลอไผลในแผ่นฟิล์ม เขาถูกใจมองภาพยนตร์มาตั้งแต่ยุควัยรุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากฝั่งตะวันตก อีกทั้งภาพยนตร์ฝรั่งเศส อิตาลี มาจนกระทั่งอเมริกา ที่ทำให้เขาได้มองเห็นจิตวิญญาณแห่งนักสู้ ที่จำเป็นต้องต่อสู้ กับระบบและก็ความไม่ชอบธรรม จากนักแสดงในเรื่อง

โดยได้รับแรงจูงใจมาจาก ไฟต์ประวัติศาสตร์ที่ซาอีร์ (ตอนนี้เป็น ดีอาร์ คองโก) ระหว่าง มูฮัมหมัด อาลี กับ จอร์จ โฟร์แมน ในปี 1974 ขึ้นรถคดีของเขา จะบอกเล่าเรื่องราว ของโยชิคะวะ กับการเกื้อกูลนักมวย ประเทศฟิลิปปินส์ย่ำแย่ ด้วยการฝึกหัด อย่างมืออาชีพ เพื่อพวกเขามีหวัง รวมทั้งแรงผลักดัน ที่จะแปลงเป็นแชมป์ อย่างแมนนี ปาเกียว แชมป์โลกชาวประเทศฟิลิปปินส์

เว้นเสียแต่ถ่ายทอด ความรู้แล้ว เขายังจัดตั้งขึ้น ยิมในประเทศฟิลิปปินส์ จากเงินช่วยเหลือ ของคนประเทศญี่ปุ่น รวมถึงให้การส่งเสริม ด้านการเงินแก่ครอบครัว ของนักมวยประเทศฟิลิปปินส์ ก่อนที่จะความบากบั่นของเขา จะสามารถปลุกปั้น นักมวยในสังกัด ขึ้นไปคว้าชัยชนะระดับประเทศได้ถึง 2 คน

หลังจากที่ถ่ายทำ รวมทั้งตัดต่อเสร็จสมบูรณ์ในปี 2013 เขาก็ตรวจตรานำมันไป แสดงในงานภาพยนตร์ ทั่วทั้งโลก โดยมีเป้าหมายเพื่อระดมทุน รับบริจาคช่วยเหลือ นักมวยประเทศฟิลิปปินส์ผู้อื่น ๆ รวมทั้งครอบครัวของพวกเขา นี่เพียงแค่ต่อยเล่น

ช่วงเวลาเดียวกัน ก็อยากที่จะให้โลก ได้มองเห็นมุมมอง ที่บางบุคคล บางทีอาจไม่ทราบ ความทุ่มเท เมื่อครั้งอดีตกาล จนกระทั่งปัจจุบันนี้ของเขา ยังเป็นเหตุให้โยชิคะวะ ถูกชักชวนไปบอก ในสถานศึกษาต่าง ๆ ทั้งยังในอเมริกา ยุโรป หรือที่ประเทศญี่ปุ่น ภูมิลำเนาของเขาเอง รวมแล้วกว่า 800 ครั้ง

เขากล่าวว่าหากว่าวัยรุ่นคนประเทศญี่ปุ่นโดยมากจะมีฐานะดีหรือร่ำรวย ถ้าเกิดวัดจากวัตถุ แม้กระนั้นผู้คนจำนวนมากที่เขาได้พบเป็นคนขาดความมั่นใจและเชื่อมั่นในตนเองและไม่มีเป้าหมาย “ผมได้พบเด็กมัธยมศึกษาตอนต้นที่อยู่ภายใต้แรงกดดันของการสอบเข้ามัธยมศึกษาตอนปลายรวมทั้งความคาดหมายของบิดามารดา พวกเขาชอบบอกผมว่า ฉันเป็นเด็กที่เศร้าหมองที่สุดในโลก อาจารย์แล้วก็บิดามารดาไม่ฟังฉันเลย”

โยชิคะวะกล่าว “แม้กระนั้นภายหลังได้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้ชีวิตของเด็กในประเทศฟิลิปปินส์ ที่มิได้มีเงินมีทองแต่ว่าเป็นสุข มุมมองของพวกเขาก็แปรไป”

นักสู้เพื่อสังคม

นักสู้เพื่อสังคม ยิ่งไปกว่านี้ หากว่าเขาจะทำอาชีพสอนมวย แม้กระนั้นเขาก็ยังมิได้รามือ

เขายังคงขึ้นสังเวียนบนสังเวียนผ้าใบอยู่ไม่ขาด ซึ่งบางครั้งบางคราวก็จำเป็นต้องพบเจอกับคู่แข่งขันที่อายุน้อยกว่าเขาแทบเท่าตัว อย่างไรก็แล้วแต่ เขามิได้ต่อยเพื่อผลแพ้ชนะ เขารู้สึกตัวดีว่ามันน่าจะเป็นปาฏิหาริย์ที่นักมวยวัย 50 อย่างเขาจะล้มนักต่อยวัยรุ่น ที่พละดียิ่งกว่า แต่ว่าเขาขึ้นต่อยเพื่อระดมทุนในหน่วยงานการบุญที่เขาเป็นอาสาสมัคร รวมทั้งทำให้เห็นว่าเขาไม่เคยยอมแพ้

“ผมไม่ใช่ แมนนี่ ปาเกียว ผมอาจจะไม่มุ่งหวังว่าตนเองจะเอาชนะ โรเบิร์ต คูเซนส์ ผมจะชนะถ้าเช่นนั้นหรอ ? ไม่มีวัน แต่ว่าผมสู้เพื่อแสดงให้คนอื่น ๆ มีความเห็นว่า พวกเขาจะก้าวผ่านความท้าทายที่ยากลำเค็ญได้เช่นไร” โยชิคะวะวัย 58 ปี กล่าวก่อนขึ้นสังเวียนกับ โรเบิร์ต คูเซนส์ นักต่อยดีกรีแชมป์ประเทศแคนาดารุ่นเวลเตอร์เวต 4 ยุค วัย 27 ปี เมื่อปี 2019 วัสดุเปลี่ยนแปลงโลก

ปัจจุบันนี้โยชิคะวะ อาศัยอยู่ที่เมืองแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา ข้างหลังถูกชักชวนให้มากล่าวตรงนี้แล้วพึงใจวิถีชีวิต รวมถึงสภาพสังคมของแคนาดา จนถึงตกลงใจเก็บข้าวของเครื่องใช้มาพักอย่างคงทนตั้งแต่ปี 2014 “ผู้คนในแวนคูเวอร์ยิ้มให้กัน ในตอนที่ในเมืองโตเกียวมีโปสเตอร์รอกล่าวว่าให้ ‘สวัสดีแล้วก็ทักบุคคลอื่น'” เขากล่าว ข่าวมวย ออนไลน์

แต่ แม้ว่าจะย้ายประเทศ แม้กระนั้นความตั้งอกตั้งใจของเขาก็ยังไม่แปรไป เขายังคงใช้มวยเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการทดแทนสังคมอยู่ตลอด โดยแผนการปัจจุบันของโยชิคะวะ เป็นการสอนมวยให้กับผู้สูงวัยที่เป็นโรคพาร์กินสัน เขาพูดว่าการเล่าเรียนท่าต่อยมวยทำให้คนสูงอายุมีความเชื่อมั่นและมั่นใจเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ รวมทั้งเพิ่มช่องทางสำหรับเพื่อการหายจากโรคที่เป็นอยู่

“ฉันร่วมคลาสสำหรับผู้สูงวัยที่เป็นโรคพาร์กินสัน และก็ตนเองก็ต้องการจะเรียนมวยด้วย” หนึ่งในผู้เข้าร่วมคลาสของโยชิคะวะ บอก “ฉันพูดว่าวันพรุ่งฉันจะมาอีก แล้วก็ฉันก็มา นับจากนั้น มันก็เปลี่ยนเป็นปีที่ความแปลกประหลาด เมื่อโรคที่ถูกบอกว่า ‘รักษาไม่หาย’ นั้นมันไม่จริง”

นักสู้เพื่อสังคม

ตอนนี้โยชิคะวะ ยังคงบินไป ๆ มา ๆ ระหว่าง แคนาดา ยุโรป แล้วก็ ประเทศญี่ปุ่น

เพื่อกล่าวให้กำลังใจแก่ผู้คนทั่วทั้งโลก และสอนมวยให้กับผู้คนจำนวนมาก ช่วงเวลาเดียวกันเขาก็ยังคงขึ้นสังเวียนเพื่อระดมทุนให้กับหน่วยงานการกุศลที่เขาเป็นอาสาสมัคร ถึงแม้อายุจะใกล้วัยแซยิดแล้วหลังจากนั้นก็ตาม นี่เป็นความตั้งใจจริงสำหรับเพื่อการใช้ “มวย” ที่เป็นความสามารถประจำตัวของเขา เป็นหลัก

สำหรับการเปลี่ยนสังคมให้ดียิ่งขึ้น เขาพูดว่าคิดแผนที่ช่วยเหลือผู้คนให้สูงที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ และก็สิ่งนี้ก็สะท้อนให้มีความเห็นว่า สำหรับโยชิคะวะแล้ว “มวย” นั้นเป็นมากกว่าเพียงแค่กีฬา “การต่อยมวยไม่จำเป็นที่ต้องมีปริญญาหรือใบประกาศ คุณอาจจะไม่รู้หนังสือแม้กระนั้นก็สามารถสู้ได้ บนเวทีไม่ว่าจะกระทั่งหรือร่ำรวยก็ล้วนเสมอกัน”

โยชิคะวะกล่าว “หากคุณบ่มนิสัยความชำนาญให้ดี คุณอาจจะเป็น (แชมป์โลกอย่าง) แมนนี่ (ขว้างเกียว) หรือ โนลิโต (โดแนร์) ได้ แน่ ๆ ว่ามีคนเพียงแต่ถือมือที่ขึ้นไปอยู่ระดับท็อปของโลก แต่ว่านักมวยก็สามารถศึกษาอะไรได้มากมายเกี่ยวกับชีวิตที่เป็น ความแข็งแกร่งและก็ความอ่อนแอของคุณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนที่คุณแพ้สำหรับเพื่อการต่อย ” โยชิคะวะกล่าวตบท้าย

https://www.cornermxpark.com