วาระสุดท้ายสำหรับ มีปริศนาคลาสสิกหนึ่งปัญหา ปัญหาที่ว่านั้นเป็น การที่มนุษย์เรายอมลงแรงทุ่มชีวิต

วาระสุดท้ายสำหรับ ไปกับการทำงานเพื่อแลกเปลี่ยนกับการบรรลุเป้าหมายแล้วก็ทรัพย์สินนั้น มันป้องกันไหมกับร่างกายที่เสียไปแล้วก็โรคภัยที่ตามมา ? ในขณะนี้

คิดภาพเล่นๆถ้าเกิดคุณเป็น มูฮัมหมัด อาลี ชายผู้เดินไปทางไหนก็พร้อมจะมีผู้คนก้มตัวยอม ยอดเยี่ยมนักต่อย, ยอดคน, เอ็นเตอร์เทนเนอร์, นักสร้างแรงผลักดัน หรือใดๆ คุณจะเห็นด้วยคำชมเชย ทรัพย์สิน แล้วก็อิทธิพลนั้นหรือเปล่า ถ้าเกิดทราบว่าตอนปลายของอาลีจำเป็นต้องพบเห็นกับอะไรบ้าง ?

นี่เป็นเรื่องราวที่ไม่ค่อยมีคนใดเอ๋ยถึง ในวันที่อาลีจะต้องพบเจอกับโรคพาร์คินสันจนถึงแม้กระทั้งเพียงแค่เดินยังทำแทบจะมิได้

มูฮัมหมัด อาลี ไม่ใช่แค่นักมวย แม้กระนั้นเขาเป็นยอดเอ็นเตอร์เทนเนอร์ตัวจริง ไม่มีผู้ใดไม่สนุกแล้วก็ตื่นเต้นถ้าว่าได้โอกาสได้มองอาลีขึ้นสังเวียน เหตุผลก็เนื่องจากว่า อาลีนั้นเป็นนักมวยที่ผิดแผก https://www.robbdragonhogan.com

เขาบางทีก็อาจจะไม่ใช่พวกเดินหน้าเต็มดูดไล่ต่อยคู่ปรปักษ์แบบมิได้หายใจหายคอ แม้กระนั้นเขาเป็น “มวยเชิง” หรือที่ภาษามวยที่เรียกกันว่า “มวยบ็อกเซอร์” แม้กระนั้นบ็อกเซอร์ในแบบของอาลีนั้นพิศดารกว่าคนใดกันแน่ ด้วยเหตุว่าในตอนที่เขากำลังรุ่งสุดๆ เขาเป็นมวยชนิดดักต่อย โดยที่ตนเองไม่ยินยอม “ตั้งการ์ด”

เนื่องจากว่าการ์ดเปรียบได้เสมือนดั่งโล่กำบังของนักสู้ ยิ่งการ์ดดี ตัวของนักต่อยคนนั้นก็จะแปลงเป็นเป้าที่เล็กลงสำหรับนักต่อยตรงกันข้าม

วาระสุดท้ายสำหรับ

แล้วก็เมื่อเปลี่ยนเป็นเป้าเล็ก พวกเขาก็จะโดนต่อยยากขึ้น เรื่องมันกล้วยๆอย่างงั้น นักมวยสายบ็อกเซอร์จำนวนมากก็เลยมีการ์ดเป็นอาวุธหลัก ปลดปล่อยคู่ปรับต่อยก่อน ภายหลังติดการ์ด พวกเขาก็ต่อยสวน … ต่างหากที่เป็นสิ่งที่เบสิคสำหรับนักมวยสายนี้

อย่างไรก็แล้วแต่ การดักต่อยของอาลี ไม่ใช้การ์ด แต่ว่าใช้สิ่งที่เรียกว่า “ฟุตเวิร์ก” หรือสเต็ปเท้านั่นเอง อาลีนับว่าเป็นโคตรมวยสเต็ปเท้าขั้นเทวดา ฟุตเวิร์กของเขานั้นมีรอบจัดมากมาย สามารถเปลี่ยนแปลงจากเร็วเป็นช้าได้อย่างไม่ยากเย็นแปลงจากจังหวะต่อยเป็นจังหวะถอยได้อย่างเร็ว

ทั้งยังสายตาของอาลี ไวเหมือนกับเหยี่ยว สมกับสมญานาม “พริ้วราวกับผีเสื้อ ต่อยเจ็บเสมือนผึ้ง” จริงๆ เพราะเหตุว่าถ้าหากหมัดของคู่ต่อยไม่เร็วจริง ไม่คมจริง

ก็ยากที่จะต่อย อาลี ให้ตรงเป้าได้ ฉะนั้นอาลีก็เลยใช้ความเทวดานี้โยกหลอกคู่ต่อยให้หาเขาไม่พบ จนกระทั่งเปลี่ยนเป็นที่บันเทิงใจนานของผู้ชมเสมอ ยิ่งประกอบกับสไตล์การแทรชทอล์ก ที่ล้อเลียนเก่ง แล้วก็ช่างพูดช่างเปรียบ ก็เลยทำให้นักต่อยคู่ปรปักษ์คนไม่ใช่น้อยสติแตกไล่ต่อยอาลีกระทั่งไม่มีแรงไปเอง (เพราะว่าต่อยไม่โดน) นั่นเอง

นี่เป็นสิ่งที่ทำให้อาลีได้สายรัดเอวแชมป์โลกรุ่นเฮฟวี่เวตเยอะแยะจนกระทั่งขี้เกียจจะนับนิ้ว … คนไม่ใช่น้อยบางทีอาจจะจำสายรัดเอวแชมป์ของเขามิได้ แต่ว่าเชื่ออย่างมากว่าถ้าหากผู้ใดได้มองอาลีสักหนึ่งครั้ง พวกเขาจะจำสไตล์ของอาลีแบบไม่มีทางลืมอย่างยิ่งจริงๆ นี่เป็นนักมวยที่ต่อยได้บันเทิงใจที่สุดคนหนึ่งเท่าที่โลกเคยมี

แต่ว่าเมื่อเวลาเดินไปด้านหน้า สังขารของมนุษย์ก็ย่อมไม่เที่ยง บาปใดที่เคยทำ บาปนั้นก็เริ่มออกดอกออกผล

ซึ่งการต่อยแบบไม่ตั้งการ์ดรวมทั้งถูกใจใช้การเปิดหน้า ยั่วให้คู่ชกที่ว่ากันว่าเทวดานักเทวดาดกนี้นี่เอง ที่ทำให้อาลีจำต้องเผชิญกับสิ่งที่เขาไม่เคยตระเตรียมมาก่อน โน่นเป็นโรคพาร์คินสัน โรคร้ายที่อยู่กับเขานานมากกว่าสายรัดเอวแชมป์โลกที่ทุกคนสรรเสริญเสียอีก

โรคร้ายอย่าง พาร์คินสัน เป็นโรคที่เกิดขึ้นจากการเสื่อมของสมอง ที่มาของโรคนี้เป็นผลมาจากเซลส์สมองตาย คนเจ็บโรคพาร์กินสันก็เลยมีปัญหาประเด็นการเคลื่อนแตกต่างจากปกติ แล้วก็ส่วนมากแล้ว กว่าจะรู้สึกตัวว่าเป็นโรคพาร์คินสัน คนป่วยก็ชอบแก่ราว 65 ปีขึ้นไปแล้ว มวยไทย

วาระสุดท้ายสำหรับ

กลับมาที่เรื่องของ มูฮัมหมัด อาลี กันอีกสักหนึ่งครั้ง เพราะว่าที่สุดแล้วไม่ว่าจะหลบเก่งมากแค่ไหน วันใดวันหนึ่งก็ควรมีวันพลาด อาลีเองก็ด้วยเหมือนกัน ฟุตเวิร์กรวมทั้งสายตาดีเพียงใด แต่ว่าก็มีไม่น้อยที่เขาโดนต่อยหน้าเต็มๆแม้กระนั้นภาพของเขาลงไปนอนนับ 10 นั้นหาได้ยาก เนื่องจากว่าเขาเป็นผู้ที่เก็บความรู้สึกเก่งมากมายกระทั่งคนไม่ใช่น้อยแทบจะไม่ทราบสึกว่าเขาเจ็บ

ในปี 1974 อาลีขึ้นสังเวียนกับ จอร์จ โฟร์แมน ที่กรุงคินซาช่า ประเทศซาอีร์ (ดีอาร์ คองโก ในขณะนี้) ไฟต์ที่มีชื่อเสียงว่า นี้ชัดที่สุดแล้ว เพราะเหตุว่าอาลีโดนหมัดของโฟร์แมนชนหน้าแบบจังๆไม่ต่ำลงยิ่งกว่า 10 ครั้ง

แม้กระนั้นเขาก็ไม่ยินยอมล้มลงกับพื้นเสียหน เปลี่ยนไปเป็นอาลี ที่ทนหมัดจนกระทั่งพลิกกลับมาน็อคโฟร์แมนได้เสร็จ ซึ่งภายหลังไฟต์นั้นจบ โฟร์แมนก็เคยให้สัมภาษณ์ถึงความตื่นตะลึงงันคราวนั้นว่า

“ผมต่อยเขาเข้าที่เข้าทางฟันกรามแบบจังๆแล้วแท้ๆมันเป็นหมัดที่เพอร์เฟ็ค แต่ว่าคุณทราบไหม เขากล่าวอะไรต่อจากนั้น … ‘เอ็งได้เพียงเท่านี้เองหรอจอร์จ ?'” โฟร์แมน เล่านี้ในวันหลัง

ไม่แพ้ … แม้กระนั้นมีผลมาถึงอนาคต จำเป็นต้องกล่าวอย่างนั้นก็เลยจะเหมาะสมสุด อาลีกินหมัดมาชั่วชีวิต เขาบางทีอาจจะไม่แสดงออก และไม่ได้ทราบสึกว่ามันเกิดเรื่องเจ็บอะไร และไม่รู้สึกว่ามันจะอันตรายด้วย

แต่ว่ามีการตรวจสอบย้อนกลับไปในอดีตกาล รวมทั้งลงเป็นบทความใน The Wall Street Journal ในชื่อบทความว่า “การเล่าเรียนพบว่า พาร์คินสันทำร้ายอาลีตั้งแต่ที่เขายังชกมวยอยู่ด้วย … แต่ว่าพวกมันเบาๆมีผลแบบเฉยๆโดยที่เขาไม่รู้ตัว”

การโดนต่อยไฟต์ละหมัดสองหมัด ตั้งแต่เป็นนักมวยมืออาชีพตอนอายุ 19 ปี สั่งสมความเจ็บมาครั้งละนิดครั้งละนิดในร่างกายของอาลี

การโดนต่อยที่หน้าหรือหัวนั้นถือได้ว่าเป็นการทำความเสียหายมายังสมองโดยตรง รวมทั้งอาลีไม่เคยทราบว่า ยิ่งเขาต่อยมากมายไฟต์ขึ้นเท่าไร พาร์คินสันก็เริ่มหาทางแสดงตัวตนออกมาเพียงแค่นั้น

อาลีเคยเป็นผู้ที่คุยเก่ง เมื่อไมค์อยู่กับปาก เขาจ้อได้ไม่มีหยุดและก็ถูกอกถูกใจทุกคนเสมอ แต่งานวิจัยพบว่าในตอนที่อาลีอายุ 30 ปี เขามีลักษณะอาการกล่าวช้าลงโดยที่เขาและก็คนที่อยู่รอบข้างไม่รู้ตัว

ต้นเหตุที่งานศึกษาทำการค้นคว้าและทำการวิจัยเริ่มจับถึงการพูดของอาลี ก็เนื่องจากการพูดเป็นสัญญาณชี้แรกๆเกี่ยวกับความเสื่อมโทรมของโรคระบบทางประสาท

ซึ่งก็ถือได้ว่า พาร์คินสันกัดรับประทานอาลีโดยที่เขาไม่รู้ตัว บางทีก็อาจจะเป็นตัวเขาเองที่บ้าระห่ำและก็หิวความใหญ่โต หรือบางทีอาจด้วยเหตุว่าวิทยาการด้านการแพทย์ที่ไม่อาจจะเจาะลึกได้เสมือนเดี๋ยวนี้

อาลี ก็เลยเอาหน้าไปรับแรงชนมากขึ้นแต่ละวันอีกทั้งจากการซ้อมแล้วก็การขึ้นสังเวียน … มันทำให้เขามีฟุตเวิร์กรวมทั้งปฏิกิริยาการหลบหลีกที่ช้าลง เพียงแต่ว่าเขานิ่งเฉยต่อสัญญาที่เตือนนั้น รวมทั้งยังคงเดินหน้าทำกิจวัตรประจำวันเดิมๆถัดไป

ซึ่งที่สุดแล้วภายหลังจากวางมือได้ไม่กี่ปี อาลีมีความคิดว่าตนเองมีลักษณะสั่นเทิ้ม ถูกใจร้องผวาในขณะนอน ข้างหลังของเขาเริ่มค่อม ตัวของเขาเริ่มโก่งลง

แล้วก็แล้วข้อเท็จจริงก็ปรากฏในปี 1984 มูฮัมหมัด อาลี ชายผู้มีอิทธิพล ยอดนักต่อยประวัติศาสตร์ แล้วก็ “กางล็คซูเปอร์แมน” ถูกวิเคราะห์ว่าเป็นโรคพาร์คินสัน โรคที่ว่ากันว่าทำเป็นเพียงแค่จุนเจืออาการ แม้กระนั้นไม่อาจจะหายสนิทได้ … เมื่อนั้นเขาก็เลยทราบว่าคู่ต่อยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตเขาได้มายืนอยู่ซึ่งๆหน้าแล้ว

ยิ่งเขาตรวจพบว่าตนเองเป็นโรคพาร์คินสัน อาลีก็จำต้องเริ่มสู้อีกที แม้ว่าจะปลดเกษียณตนเองออกมาจากการเป็นนักมวยและจากนั้นก็ตาม

เขาเดินหน้าเจอแพทย์เก่งๆทั้งโลก แล้วก็หมอคนจำนวนไม่น้อยมั่นใจว่าลักษณะของอาลีรักษายากมากมาย เพราะเหตุว่าเขาเคยผ่านหมัดมาเป็นพันๆครั้งชั่วชีวิตการทำงาน

โรคร้ายเกาะรับประทานเขาหนักขึ้นทุกเมื่อเชื่อวัน จากผู้ที่บอกเร็ว คุยเก่ง รวมทั้งแคล่วคล่องว่องไว แปลงเป็นผู้ที่กล่าวช้า สายตามัว

ข้างหลังของเขาโค้งงอ ปากของเขาเบี้ยวผิดรูปผิดรอย วันหนึ่งที่เขาเผยตัวซึ่งๆหน้าสื่อ โลกทั้งยังใบไม่ต้องการจะมั่นใจว่าชายที่เคยเก่งที่สุดในโลกจะมาอยู่ในภาวะนี้

หมอสุดที่รักษาลักษณะของเขาที่ชื่อว่า ดร.ซามูเอล โกลด์แมน สารภาพโดยตรงว่าลักษณะของอาลีนั้นไม่มีวันรักษาได้เลย สิ่งหนึ่งที่ ดร.โกลด์แมน

ว่าถึงลักษณะของอาลีคือ สมองของเขาสะสมแรงกระทบมามากจนเกินความจำเป็น มีลักษณะเจ็บที่ศีรษะบ่อยๆจนกระทั่งทำให้โรคสมองเสื่อมชำรุดทรุดโทรม รวมทั้งเซลล์ด้านในตายไปเยอะแยะเกินกว่าจะกู้คืนได้

การเป็นโรคพาร์คินสันของ มูฮัมหมัด อาลี สร้างแรงกระเพื่อมในสังคมขึ้นมาโดยทันที คนประเทศอเมริกาหลายท่านเพิ่งจะรู้เรื่องรู้ราวอันตรายของโรคๆนี้

ในขณะที่แวดวงมวยโดยเฉพาะอย่างยิ่งมวยสากลสมัครเล่น ก็มีการปรับกฎให้ใส่เฮดการ์ดขึ้นสังเวียนเพื่อคุ้มครองป้องกันการกระทบสะเทือนที่สมอง ทุกคนต่างกล่าวเป็นคำเดียวกันว่า “อาลี ไม่สมควรจะมาชกมวยเลย”

บ้างก็พูดว่าจะมีสาระอะไร ถ้าเกิดความโหฬารที่เคยสร้างมากมายลับจบลงด้วยการต่อสู้กับโรคร้ายอย่างทรมาน … ความหมายโดยนัยเป็น ถ้าเกิดอาลีแลกเปลี่ยนการบรรลุเป้าหมายตลอดอาชีพกับการไม่มีโรคภัยได้ เขาก็ควรจะทำ กิตติศัพท์มิได้มีค่ามากยิ่งกว่าสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรง

ท้ายที่สุดแล้ว อาลี ก็สู้กับโรคร้ายนี้มาถึงวันที่ 3 เดือนมิถุนายน 2016 ด้วยวัยอันแก่เฒ่าและก็โรคที่ร้ายแรงเกินกว่าร่างกายจะยับยั้งไหว อาลีจากไปอย่างเงียบๆ แม้กระนั้นทุกๆสิ่งทุกๆอย่างที่เขาทำ ยังคงถูกผู้คนจำได้เหมือนกับว่าเขายังคงเป็นเบอร์ 1 ของโลกไปนิรันดร

“อาลีจากไปแล้ว แม้กระนั้นผมเป็นไปไม่ได้ลืมสิ่งที่ผมคำสัญญากับเขา พวกเราจะสืบต่อภารกิจสู้โรคพาร์คินสัน แก้ไขคุณภาพชีวิตผู้คนถัดไป

พวกเขาจำเป็นต้องเอาชนะโรคนี้ให้ได้” แพทย์ฮอลลี่ กล่าวตบท้าย และก็ตอนนี้เขาเป็นผู้ดูและหน่วยงานวิจัยโรคพาร์คินสันที่ชื่อว่า “มูฮัมหมัด อาลี”