โควิดทำพัง ภายหลังที่เปลี่ยนเป็นข่าวสารฮือฮาไปทั้งโลกเมื่อช่วงปลายปี 2020 ก่อนหน้านี้

โควิดทำพัง เกี่ยวกับโปรเจกต์พิเศษของ “เดอะมันนี่” ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ กำปั้นไม่มีปราชัยชาวสหรัฐฯ ที่มีแผนในการจะบุกญี่ปุ่นเพื่อสร้างความฮือฮาอีกที

โดยโปรเจกต์ลับดังที่กล่าวผ่านมาแล้วไม่มีการเปิดเผยว่ามันเป็นอะไร มีเพียงการบอกใบ้ว่าจะเป็นการร่วมงานกับ ยูเรีย ซาโตไม่ สมัยก่อนดาราหนัง AV ด้วยการปลดปล่อยคลิปที่มีอีกทั้งภาพการแสดงดนตรี, การเล่นการเดิมพัน แล้วก็ภาพผู้หญิงเปลือยกายจูบกันในอ่างอาบน้ำแค่นั้น

ซึ่งนับว่าได้กระแสแรงในแดนปลาดิบอย่างมากในสังคมโซเชียล ถึงขนาดที่มีการตั้งกรุ๊ปคุยกันว่างานนี้บางครั้งก็อาจจะถูกจัดขึ้นที่ รปปงหงิ สถานที่เที่ยวช่วงเวลากลางคืน

โควิดทำพัง

โควิดทำพัง โดยยิ่งไปกว่านั้นในกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ และก็จะถือว่าเป็นการร่วมงานกับ อดีตกาลนักแสดงหญิงโด่งดังของแวดวงหนังคนแก่ดินแดนปลาดิบอีกทีข้างหลังเคยจัดงานเลี้ยงใหญ่มาแล้วเมื่อปี 2018 ข่าวมวย ออนไลน์

อย่างไรก็ดีจนกระทั่งเวลานี้แผนงานดังที่ได้กล่าวมาแล้วดูอย่างกับว่าจำเป็นที่จะต้องถูกพับเก็บไปก่อนหากแม้ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาทาง TMT (เดอะมันนี่กลุ่ม) จะออกมาการันตีว่า “แม้กระทั้งโควิด ก็หยุดพวกเรามิได้

สิ่งที่ยิ่งใหญ่กำลังจะมาในปี 2021” หรือแม้กระทั้งตัวของ สมัยก่อนหมัดวัย 44 ปี ก็ออกมาประกาศว่า “โตเกียว ญี่ปุ่น! ผมจะกลับไปในปี 2021 ผม ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ แล้วก็คณะทำงานจะจัดบางอย่างที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้โอลิมปิกเกมส์ ในเมืองโตเกียวโดม ประเทศญี่ปุ่นเป็นจุดมุ่งหมายของผม”

โควิดทำพัง แม้กระนั้นด้วยเหตุว่าการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสวัวโรท้องนา (วัววิด-19) ซึ่งทางรัฐบาลญี่ปุ่น ที่มีวิธีการป้องกันการเดินทางเข้าออกของประเทศอย่างเข้มงวดอาจเป็นไปไม่ได้ยอมจัดงานอย่างไม่ต้องสงสัยกระทั่งทำให้โปรเจกต์พิเศษจำเป็นต้องหยุดลงไปเป็นที่เรียบร้อย

ที่ผ่านมา อดีตกาลแชมป์โลก 5 รุ่น เคยเดินทางไปสร้างความฮือฮาที่ญี่ปุ่น ด้วยการขึ้นชกเจอกับ เทนชิน นาสุกาว่า เมื่อปี 2018 ซึ่งตอนนั้นเจ้าตัวโกยเงินไปๆมาๆกถึง 9 ล้านเหรียญสหรัฐอเมริกา (ราวๆ 285 ล้านบาท) โดยใช้เวลาเพียงแต่ 136 วินาที สำหรับการเอาชนะ

สำหรับ ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ ผู้ครอบครองสถิติชนะรวด 50 ครั้ง นับว่าเป็นนักกีฬาที่ทำเงินได้มากที่สุดที่ทศวรรษ 2010 (ในตอนระหว่างปี 2010-2019) จากการจัดชั้นของ ฟอร์บส์ (Forbes) แมกกาซีนทางการเงินมีชื่อของอเมริกา

โดยโกยรายได้ไปๆมาๆกถึง 915 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราว 28,400 ล้านบาท) รวมทั้งกับโลกธุรกิจเจ้าตัวก็มีแผนสำหรับการไม่ได้แตกต่างกับบนสังเวียนด้วยเหมือนกันโดยเดินหน้าเปิดตลาด TMT (เดอะมันนี่กลุ่ม) แบรนด์ผลิตภัณฑ์ของตนเองในทวีปเอเชีย

โควิดทำพัง มั่นใจว่าแฟนคลับหลายท่านอาจจะประหลาดใจว่าเพราะเหตุใด “เดอะมันนี่” ฟลอยด์ เมย์เวทคุณร์ จูเนียร์ สมัยก่อนหมัดไม่มีแพ้ชาวสหรัฐอเมริกา ถึงยังคงสามารถใช้จ่ายรายได้แบบไม่มีหมด แม้ว่าจะตกลงใจล่ำลาสังเวียนอาชีพเมื่อปี 2015 มวยไทย

โควิดทำพัง

จริงอยู่ที่เจ้าตัวยังมีการหวนกลับสังเวียนสำหรับเพื่อการต่อยไฟต์พิเศษซึ่งสามารถทำเงินได้มากถึง 270 ล้านเหรียญ (ราวๆ 8,700 ล้านบาท)

โควิดทำพัง สำหรับเพื่อการพบกับ คอเนอร์ แม็คเกรเกอร์ ยอดนักสู้ UFC รวมทั้ง เทนชิน นาสุกาว่า กำปั้นดาวรุ่งชาวญี่ปุ่นวัย 20 ปี ที่ก็โกยเงินไปได้ 9 ล้านเหรียญสหรัฐอเมริกา (ราว 290 ล้านบาท)

แต่ว่าด้วยนิสัยการใช้จ่ายของ สมัยก่อนหมัดวัย 43 ปี อย่างที่ทราบกันดีว่าเป็นผู้ที่มือเติบกว้านซื้อของที่เป็นโหล แถมยังมีของสะสมราคาสูงไม่ว่าจะเป็นนาฬิกาหรูกว่า 100 เรือน รอคอยมานาน

โดยเรือนที่ค่าสูงสุดนั้นแพงถึง 13.8 ล้านปอนด์ (ราวๆ 580 ล้านบาท) อย่างยิ่งจริงๆ แถมยังมีรถซูเปอร์คาร์ที่ตอนนี้มีหยุดเก็บเอาไว้ในคลังสินค้าส่วนตัวกว่าอีก 100 คัน

ทำให้ผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยยิ่งสนเท่ห์ใจเข้าไปใหญ่ แต่ว่าอันที่จริงแล้วรายได้หลักที่ไหลไปสู่บัญชีของเจ้าตัววันแล้ววันเล่า มันเป็นธุรกิจที่มีชื่อว่า เกิร์ล คอลเลคชั่น ตั้งอยู่ใน ลาส เวกัส สถานเริงรมย์สุดหรูเรต 21+ ของชายหนุ่มๆชาวมะกัน นั่นเอง

“เกิร์ล คอลเลคชั่น” นับว่าเป็นไนท์คลับมีชื่อในเขตดังที่กล่าวมาแล้ว เป็นแหล่งดื่มรับประทานของบรรดาคนเล่นพนันในเวกัส นอกเหนือจากนี้ยังมีผู้หญิงรอให้ความบันเทิงล้นหลาม โดยมีโชว์จากนักแสดงในแต่ละช่วงเวลาค่ำคืน

ก็เลยไม่ต้องสนเท่ห์ ใจถ้าหากมัน จะทำเงิน ในแต่ละปีกว่า 100 ล้านเหรียญสหรัฐอเมริกา (ราวๆ 3,000 ล้านบาท) มองเห็นอย่างนี้แล้วแฟนคลับอาจจะเข้าใจกันเป็นแนว

ซึ่งนอกเหนือจาก ฟลอยด์ เมย์เวทคุณร์ จูเนียร์ ผู้ครอบครองสถิติชนะรวด 50 ครั้ง จะนับว่าเป็นนักกีฬาที่ทำเงินได้มากที่สุดที่ทศวรรษ 2010 (ในตอนระหว่างปี 2010-2019)

จากการจัดชั้นของ ฟอร์บส์ แมกกาซีนด้านการเงิน มีชื่อเสียงของ ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยโกยรายได้ไปๆมาๆกถึง 915 ล้านเหรียญสหรัฐอเมริกา (ราว 28,400 ล้านบาท) แต่ว่ากับนอกสังเวียนเจ้าตัวก็พอได้ทีเดียว