ไม่มีผู้ใดกล้าสงสัย สำหรับในการประกาศตัวว่าเป็นคริสเตียน เขาถูกใจสร้างประโยคคำถามให้กับคนอีกจำนวนไม่น้อย

ไม่มีผู้ใดกล้าสงสัย เนื่องมาจากสิ่งที่เขาปฏิบัติเมื่ออยู่นอกสังเวียน หรือแม้แต่บนสังเวียน ถูกใจเต็มไปเรื่องราวอื้อฉาวต่างๆเยอะแยะ สถิติการสู้ 28 ไฟต์ ที่แท้มันต้องเป็นชนะ 28 ไฟต์รวด ไม่ใช่ ชนะ 26 แพ้ 1 ไม่เป็นผลวิเคราะห์ 1 จากที่เป็น แล้ว 2 ไฟต์ที่แพ้เกิดขึ้นได้อย่างไร?..

ไม่มีผู้ใดกล้าสงสัย คำตอบเป็น ไฟต์ที่แพ้ แมตต์ แฮมิลล์ เมื่อปี 2009 เป็นการถูกปรับแพ้เพราะว่าใช้ศอกผิดกติกา แม้คู่ต่อยกำลังจะเสร็จเขาอยู่แล้ว ส่วนไฟต์ที่ไม่เป็นผลวิเคราะห์ เกิดขึ้นในปี 2017 ในตอนแรก เจ้าตัวได้รับการยกมือเป็นผู้ชนะน็อก กระชากสายรัดเอวแชมป์โลกรุ่นไลท์เฮฟวี่เวตกลับมาจาก แดเนียล “ดีซี” โครมิเยร์ คู่แข่งขันนิรันดร์

แม้กระนั้นถัดไปกลับพบว่า โจนส์ ใช้สารกระตุ้น ชัยก็เลยถูกยกเลิกไป ส่วนเรื่องนอกสนาม ปี 2015 เขาโดนจับฐานเสพโคเคน รวมถึงจำต้องเข้ารับการบำบัดที่เมืองอัลบูเคอร์กี เมืองนิวเม็กซิโก อันเป็นถิ่นที่เขาอาศัยอยู่ในเวลานี้ กับการสังกัดค่าย

พร้อมก่อคดีซ้ำด้วยการการ “ชนแล้วหนี” ซึ่งคนที่เขาชนเป็นเพศหญิงมีท้อง จนถึงถูกยึดแชมป์ (ที่แล้วหลังจากนั้นดีซี ก็ไปคว้ามาถือครองได้ ก่อนเกือบเสียให้โจนส์นั่นเอง) และจากนั้นก็ถูกทำโทษทานบน 18 เดือน

จากนั้นจอนโจนส์ เกือบจะมีคดีฉาวแบบปีต่อปีเลยก็ว่าได้ ทั้งยังการใช้สารกระตุ้น, ประทุษร้าย, ใช้อาวุธปืน รวมทั้งอะไรต่อมิอะไรจำนวนมากที่ทำให้เขาถูกเรียกว่า “ไอ้ขี้โกง” และ “นักสู้ผู้ไม่เคยแพ้คนไหน.. เว้นเสียแต่ตัวเอง” แต่ เมื่อใดก็ตามเขาโดนจับ โจนส์ ก็ถูกใจลบคำปรามาสได้เสมอ

เมื่อพ้นโทษแบน เขาชอบกลับมาคว้าแชมป์ได้เป็นอย่างมากใหญ่ทุกคราวไป เขาบอกเหตุผลว่าชีวิตของเขาบรรลุผลสำเร็จได้ เพราะว่าการไปสุดทุกทางเดินที่ตัวเองลิขิตไว้ หาใช่ช่องทางที่คนอื่นเชื่อใจ สิ่งใดก็ตามที่โดนแน่น เขาจะต้านทาน และไม่ว่าดีหรือโหดเหี้ยม เขาถูกใจไปพบมันด้วยตัวเองเสมอ..

แน่นอนนั่นไม่ใช่จุดแข็งที่คนไหนกันพึงกระทำตาม แต่มันก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ความวิปลาสระห่ำพุ่งทะยานไปข้างหน้าแบบสุดแรง เป็นสิ่งที่เกื้อหนุนให้จอนโจนส์ กลายเป็นแชมป์โลกเอ็มเอ็มเอ ผู้มีอำนาจได้.. ขั้นต่ำมันก็ควรมีส่วนเกี่ยวเนื่องอย่างเลี่ยงไม่ได้

“การจะสร้างผลงานชิ้นยอดเยี่ยมขึ้นมา คุณจำเป็นที่จะต้องจับใจกับทุกๆอย่างที่คุณทำ รับกับบาปที่คุณก่อ และก็แสดงมันออกมาให้สุดกำลัง ผมเป็นเปรียบเสมือน ปิกัสโซ่ เพราะเหตุไรรู้ไหม? ปิกัสโซ่ ไม่ได้เพียงสร้างศิลป์ เขาใช้ศิลปเพียงแต่ครึ่งเดียว ” จอนโจนส์ผู้มีอำนาจกล่าวทิ้งท้าย

ไม่มีผู้ใดกล้าสงสัย

ไม่มีผู้ใดกล้าสงสัย “จอน โจนส์” ผีที่เอ็มเอ็มเอ ที่เคยแทบจะเป็นนักบวชนักเทศน์

ไม่มีผู้ใดกล้าสงสัย จอนโจนส์อายุแค่เพียง 23 ปี ในวันที่เขากลายเป็นแชมป์โลกยูเอฟซี รุ่นไลท์เฮฟวี่เวตนี่เป็นผู้ถือสายรัดเอวแชมป์โลกผู้ครอบครองสถิติอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ แม้ว่า ถ้าคุณจะมุ่งมาดจะดำรงชีพแบบเขาในฐานะ โรลโมเดล เสมอเหมือนนักกีฬาที่บรรลุเป้าหมาย คุณต้องคิดใหม่ เราจั่วหัวว่าเขาเคยเกือบจะเป็นบรรพชิตก็จริง ใช่ เพราะเขาเคยถูกคาดหมายให้เป็นแบบนั้น

ไม่มีผู้ใดกล้าสงสัย ซึ่งแน่นอนว่านั่นอาจทำให้คุณเข้าใจและคิดภาพตามว่า เขาบางทีอาจเป็นนักสู้ ที่มีเลือดนักบุญยามอยู่นอกสังเวียน.. ถึงแม้ไม่เลย เขาเกือบจะเป็นภูตผีปีศาจต่างหาก อาเธอร์ โจนส์ จูเนียร์ เป็นเพศผู้คนอเมริกันเชื้อสายแอฟริกันที่เคร่งศาสนามาตั้งแต่จำความได้ เขาโตมากับความลำบากตรากตรำตั้งแต่ที่ยังเป็นเด็ก และเมื่อสมรสกับลูกๆอีก 4 คน เรื่องราวชีวิตก็ยังจำเป็นต้องดิ้นรนสู้ต่อไป

นอกจากกำลังใจจากครอบครัวแล้ว สิ่งหนึ่งที่ทำให้ อาเธอร์ ยังคงไม่ยอมแพ้เป็น “วางใจ” ที่เขามีต่อพระเจ้า นับตั้งแต่บรรพบุรุษของเชื้อสายโจนส์มาตั้งถิ่นฐานในอเมริกา ครอบครัวของเขาก็ผูกพันกับคริสตจักรตลอดมา บ้านของพวกเขาอยู่ใกล้กับโบสถ์ ในบิงแฮมตัน มหานครนิวยอร์ก เชื้อสายของเขาก็เลยเป็นคริสเตียนที่เคร่งศาสนามาตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษแล้ว

ตัวของ อาเธอร์ นั้นไว้ใจและวางใจในคำอบรมของพระเยซูคริสต์อย่างที่สุด เขาอยู่ใกล้เคียงคริสตจักรและจากนั้นก็พร้อมช่วยเหลือเสมอ จนตราบเท่าได้แปลงมาเป็นบรรพชิตของโบสถ์ที่นี้ ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อมีพ่อเป็นบรรพชิต ลูกๆทั้ง 4 คนก็จำเป็นที่จะต้องอยู่ในกรอบของจรรยาบรรณ และเติบโตมากับคำอบรมของพระเยซูคริสต์มาตลอดระยะเวลา คนอื่นอาจจะใช่ แต่ไม่ใช่ลูกชายคนที่ 2 ของญาติที่เป็นเป็นต่างกัน มวยไทย

จอนเป็นเด็กที่เกิดมาพร้อมกับประโยคสำหรับถามแล้วก็ต้องการพิสูจน์สิ่งต่างๆด้วยตัวเอง เขาและหลังจากนั้นก็ค่อยเชื่อ และก็เรื่องของศาสนาก็สิ่งเดียวกัน ถึงแม้บ้านของเขาจะเป็นครอบครัวใหญ่ที่อยู่รวมกัน แม้กระนั้นจอน เป็นคนที่ตั้งข้อสงสัยอะไรต่อมิอะไรเป็นอันมาก โน่นก็เลยทำให้ อาเธอร์ นั้นต้องดูแลรวมทั้งจับตาจอน เป็นพิเศษ เพราะเขาแน่ใจว่าจอน จะเป็นคนที่สืบทอดตำแหน่งนักเทศน์ หรือ บรรพชิตของเขาในอนาคต

สาเหตุที่เป็นอย่างงั้น เนื่องมาจากพี่ชายคนโตของจอน ที่ชื่อว่า อาเธอร์ เดอะ เธิร์ด เป็นเด็กเรียนดีกีฬาเด่น สามารถเข้ามหาวิทยาลัยได้ด้วยโควตานักอเมริกันฟุตบอล และจากนั้นก็ไปสุดทางด้วยการได้แชมป์ซูเปอร์โบวล์กับ บัลต่อว่ามอร์ เรฟเวนส์ มาแล้ว เหมือนกันกับ แชนด์เลอร์ น้องชาย ซึ่งก็เป็นนักอเมริกันฟุตบอล เคยครองแชมป์ซูเปอร์โบวล์ด้วยเหมือนกัน (กับ นิวอิงแลนด์ เพเทรียตส์)

ขณะที่ตัวของจอน เอง ไม่มีความสามารถพิเศษด้านนี้เยอะแค่ไหน และโน่นทำให้เขาจำเป็นต้องรับความคาดหวังจากพ่อผู้เป็นบรรพชิตไปโดยปริยาย ที่สุดแล้ว การเกิดในครอบครัวคริสเตียน ไม่ได้แปลว่าคนๆนั้นจะเป็นคริสเตียน คนที่จะเป็นคริสเตียนได้เป็นคนที่มีประสบการณ์กับพระเจ้าและรู้จักท่านเป็นการส่วนตัวเท่านั้น ซึ่งจอนโจนส์ นั้นออกแนวเพศชายผู้เป็นสายน้ำ ไม่ปักใจกับสิ่งใดแบบสุดลิ่มทิ่มแทงประตู

เขาทดสอบทุกสิ่งทุกอย่างที่เข้ามาในชีวิต เล่นกีฬาเกือบทุกหมวด จนกระทั่งเจอกับกีฬาที่เข้าทางเขาที่สุดโน่นเป็น “ชกมวย” และก็แน่นอนว่าพ่อของเขา “ขวางแบบสุดชีวิต” “ผมอุตสาหะอย่างสุดชีวิตที่จะกัดกันเขาจากการเป็นนักสู้ ผมบอกจอน ว่า แกอย่าคิดจะเป็นนักสู้เด็ดขาดเลยจ๊า อาชีพอื่นๆมีเยอะแยะ เพราะเหตุใดมึงไม่มาเป็นศิษยาภิบาลอย่างบิดาล่ะ?” อาเธอร์ กล่าว

จอนโจนส์ไม่ได้เป็นพวกต่อต้าน แต่ออกแนวเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เขาอ่านไบเบิลเสมอๆจวบจนกระทั่งขั้นที่มีรอยสัก “ฟิลิปเปี้ยน 4:13” อันมีที่มาจากบท ฟีลิปปี 4:13 ในตำราเรียนว่า “กระผมเผชิญได้ทุกสิ่งทุกอย่างโดยท่านผู้ทรงเสริมกำลังกระผม”

บนอกของเขาเพื่อแสดงถึงความเคารพวางใจ แต่ว่าตรงกันข้าม เขาก็เปรียบเสมือนพึงพอใจในปีศาจ เขาใช้ยาเสพติดหลายหน ถูกจับมาไม่น้อยกว่า 3 ครั้ง แม้ว่าแน่นอนที่สุดว่าครึ่งหนึ่งของชีวิต เขาทุ่มเทให้กับการต่อสู้มากกว่าที่จะเข้าโบสถ์ตามฉบับคริสเตียนผู้อื่นอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะในปี 2008 ที่เขามีลูกคนแรกตอนอายุ 20 ปี โน่นเป็นจุดเปลี่ยนที่ตามที่เป็นจริงของเรื่องนี้

ไม่มีผู้ใดกล้าสงสัย

อายุ 20 ปี ไม่มีงานที่ทำอยู่เป็นประจำทำ มีพ่อเป็นนักบวช

ไม่มีผู้ใดกล้าสงสัย แม้ว่าจอนโจนส์ เลือกยอมกับการเป็นนักสู้ในกรง 8 เหลี่ยม และก็เดินทางสู่ทางธรรมแทนเนื่องด้วยมีคนเปิดช่องไว้ให้และจากนั้นก็คงจะทำเป็น หากแม้เขาไม่ทำแบบนั้น เนื่องจากว่าแม้พระเจ้าจะอยู่ในหัวใจ แต่ความต้องการทำเป็นการทุ่มเทเต็มที่เพื่อการเป็นนักสู้มากกว่า

ไม่มีผู้ใดกล้าสงสัย “การมีลูกแบบไม่ได้คาดหมายและคิดแผนเป็นการเปิดโลกทัศน์ของผมจริงๆ ภายหลังที่ทราบดีว่าจะมีลูก ผมใช้เวลาทวนสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิต และก็ตอนท้าย คำตอบเป็นผมจะเลิกสู้แบบเป็นงานว่าง ถึงแม้ผมจะทำมันให้ไปจนถึงมืออาชีพเลย”

จอนโจนส์ว่าอย่างนั้น นักสู้ที่จอนโจนส์ เผลอไผลที่สุดเป็น บรูซ ลี เพศชายผู้ที่ทำให้กังฟูเลื่องลือไปทั่วโลก โดยเฉพาะกับกลุ่มคนผิวดำในนิวยอร์กที่ได้รับอิทธิพลมาจากโรงภาพยนต์มอม ฉายแม้กระนั้นหนังกังฟูที่ฟิล์มราคาสูงถูก ซึ่ง โจนส์ ก็เยี่ยมในคนที่ได้อิทธิพลนั้น

“ผมเลือกใช้ปรัชญาของ บรูซ ลี ที่ลื่นไหลรวมถึงโอนเอนไปกับธรรมชาติ ผมหมั่นเพียรมองทุกอย่างให้แจ่มชัด อ่านค่ามันตั้งแต่ 0 ถึง 100 และจากนั้นก็โจนใส่สิ่งนั้นเหมือนกับงูเห่าเลย” จอนว่าต่อ จอนโจนส์ทุ่มเทเต็มที่เพื่อเพิ่มน้ำหนักและก็กล้ามให้ก้าวขึ้นไปสู้ในรุ่นไลท์เฮฟวี่เวต (จนถึงรุ่นเฮฟวี่เวตในตอนนี้)

นอกเหนือจากนี้ยังฝึกเขี้ยวเล็บสำหรับในการต่อสู้ โดยเฉพาะกรรมวิธีจับซึมมิชชั่นที่กลายเป็นหนึ่งในท่าไม้ตายของเขา ที่ว่ากันว่าหากได้ล็อกคนไหนกันแน่ขึ้นมา คนนั้นจบทันที และก็โน่นเป็นสาเหตุของฉายา “ไอ้กระดูก” นั่นเอง “ผมออกกำลังกายอย่างคลุ้มคลั่ง ผมคิดอยากได้ทำให้ผมเร็วขึ้นและตัวใหญ่ ผมอยากพุ่งได้เช่นเดียวกันกับกระสุน ผมออกแรงกับการพัฒนากำลังขาของตัวเอง ข่าวมวย ออนไลน์

แล้วหลังจากนั้นก็มันกลายเป็นหนึ่งสำหรับการสร้างแตกต่างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของผม หากผู้ใดกันแน่แลเห็นผ่านการต่อสู้ของผม” โจนส์ ก้าวขึ้นเป็นแชมป์โลกยูเอฟซี หนแรกตั้งแต่อายุ 23 ปี ทุกคนรู้ว่าจุดแข็งของเขาเป็นแนวทางที่ไม่มีที่ต่อว่า มีพลัง ประดิษฐ์ แล้วก็เล่นลูกพลิกแพลงเก่งล้นหลาม ที่สำคัญที่สุดเป็นเมื่อทุกๆไฟต์ผ่านไป จอนโจนส์จะยิ่งเก่งขึ้นบ่อยมันดังวิดีโอเกม ที่เมื่อเขาชนะแต่ละด่าน

เขาก็จะปลดล็อกสกิลใหม่ๆขึ้นมา ไว้ว่าจะเป็นการเตะ, ลำตัว, หมัด, ศอก, เข่า กระทั่งการจับซับมิชชั่น และไม่กี่ปีผ่านไป เขากลายเป็นนักสู้กรงแปดเหลี่ยมที่ถูกยกย่องว่า “เก่งที่สุดในโลก” สิ่งที่รับประกันได้เป็น เขาเป็นผู้ที่ทำสถิติ “ที่สุด” ไว้กับยูเอฟซี หลายสถิติด้วยกัน มี เป็นนักสู้ที่ป้องกันแชมป์เยอะมากไฟต์ที่สุด (11 ไฟต์ เท่ากับ ดิมิเทรียส จอห์นสัน), ชนะในไฟต์ชิงแชมป์-ป้องกันแชมป์มากที่สุด (14 ไฟต์)

และไม่แพ้คนไหนกันแน่ตลอดนานที่สุด (18 ไฟต์) ยิ่งกว่านั้น ยังได้รับการสรรเสริญยอดเยี่ยมในกลุ่มนักสู้เอ็มเอ็มเอ ยิ่งใหญ่ที่สุด รวมทั้งได้รับสรรเสริญในฐานะเป็นนักมวยความรู้ความเข้าใจรุนแรงที่สุดของยูเอฟซี หากวัดกันปอนด์ต่อปอนด์